เนื่องจากช่วงวัยเด็กเป็นคนที่ป่วยบ่อย มักมีอาการร้อนใน เช่นเป็นแผลร้อนในในปาก (แผลร้อนในในปากเป็นที่ริมฝีปากด้านในบางทีก็เป็นที่กระพุ้งแก้ม บางครั้งก็เป็นที่ลิ้น) ลิ้นแตก เจ็บคอต่อมทอนซิลอักเสบ(Tonsillitis) มีไข้สูง
บางครั้งก็มีน้ำมูก มีเสมหะ ไอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว แพทย์ก็วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่แต่กินยาเป็นอาทิตย์ ก็ยัง ไม่หายบางครั้งก็มีเสมหะ หอบ หายใจไม่สะดวก แพทย์ก็วินิจฉัยว่าเป็นภูมิแพ้
คุณพ่อมีความรู้ด้านสมุนไพร แต่ที่ไม่ได้ให้ยาสมุนไพรตั้งแต่แรก เพราะเห็นว่าการแพทย์ปัจจุบันก้าวหน้าไปมากแต่เมื่อรักษาไม่หาย จึงนำตำรับยาสมุนไพรมาต้มให้รับประทาน ทำให้แผลร้อนในในปากและอาการร้อนในหายได้เร็วรวมถึงภูมิแพ้ และไข้หวัดใหญ่ จากนั้นก็ได้ใช้แต่ยาสมุนไพรมาตลอด
ช่วงที่เรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เรียนวิชาพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ
เห็นว่าในประเทศไทยเรามีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพืชสมุนไพรที่ดีมีประโยชน์อีกมาก
จึงสนใจศึกษาต่อด้านแพทย์แผนไทย-ยาจีน และ ศึกษาถึงสาเหตุของแผลร้อนในในปาก อาการร้อนใน และโรคอื่นๆ เมื่อจบแพทย์แผนไทย จึงนำตำรับยาที่ต้มรับประทานมาพัฒนาโดยใช้เทคนิคกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ ผลิตด้วยเครื่องจักรให้รับประทานได้ง่าย ปลอดภัย แล้วขึ้นทะเบียนยา ทำให้ไม่เป็นแผลร้อนในในปาก
ไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ และไม่เคยมีอาการของต่อมทอนซิลอักเสบอีกเลย กระทั่งถึงทุกวันนี้
อ่านสาเหตุของแผลร้อนในในปากและอาการร้อนในได้ใน ยาแก้ไข้
ส่วนคุณพ่อตอนอายุ 57 ปี ท่านเคยมีอาการตึงที่แขนกระทั่งยกแขนไม่ขึ้น
และนั่งยองๆไม่ค่อยได้ นั่งแล้วลุกยาก ต้องหาที่ยึด ที่จับ
วันหนึ่งคอเริ่มเอียงๆ จึงมีคนแนะนำให้ไปนวด แล้วก็มียายที่นวด มานวดให้
เมื่อนวดแล้วอาการก็ดีขึ้น แต่ดีขึ้นไม่กี่วันก็เป็นอีก
ก็ต้องให้ยายมานวดอีก พอผ่านมาสักระยะหนึ่ง
นวดแล้วก็ต้องลงน้ำหนักเพิ่ม จึงทำให้ช้ำ
ต่อมามีคนแนะนำให้หาหมอจีน ไปหาแล้วก็ได้ยามาต้มดื่ม อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
กระทั่งมีคนแนะนำสมุนไพร จึงนำมาต้มดื่ม อาการก็เริ่มดีขึ้นมาเรื่อย กระทั่งหายเป็นปกติ
คุณพ่อจึงบอกว่ายาสมุนไพรนี้ช่วยคนได้มาก
จึงนำมาขึ้นทะเบียนยา เป็นยา กษัยเส้น ตรา เอ